1.ความหมายคำว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด
พระราชกฤษฎีกา เทศบัญญัติ
กฎหมายรัฐธรรมนูญ คือ กฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ กฎเกณฑ์ที่กำหนดสถานะและความสัมพันธ์ขององค์กรที่ใช้อำนาจสูงสุดต่อกันหรือต่อประชาชน
(เน้นที่เนื้อหาสาระของกฎหมาย ครอบคลุมไปถึงรูปแบบของรัฐ,องค์กรที่ใช้อำนาจ ตลอดจนสิทธิเสรีภาพ)
พระราชบัญญัติ คือ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ตราขึ้นโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
เนื้อหาของพระราชบัญญัตินั้นจะกำหนดเนื้อหาในเรื่องใดก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดหรือ
แย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญทั่วไป เรียกว่า
ประเพณีการปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้เนื้อหาของพระราชบัญญัติยังมีลักษณะกำหนดกฎเกณฑ์เป็นการทั่วไปในการก่อตั้ง
เปลี่ยนแปลง กำหนดขอบเขตแห่งสิทธิและหน้าที่ของบุคคล ตลอดจนจำกัดสิทธิเสรีภาพ
ของบุคคลได้ตามที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
พระราชกำหนด คือ กฎหมายที่บัญญัติโดยฝ่ายบริหาร(คณะรัฐมนตรี)
พระราชกำหนดเป็นรูปแบบหนึ่งของกฎหมายที่ฝ่ายบริหารคือ พระมหากษตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรีตราขึ้นโดยอำนาจที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
พระราชกฤษฎีกา คือ กฎหมายที่ตราขึ้นโดยพระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
พระราชกำหนดเป็นรูปแบบหนึ่งของกฎหมายที่ฝ่ายบริหารคือ พระมหากษตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรีตราขึ้นโดยอำนาจที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
พระราชกฤษฎีกา คือ กฎหมายที่ตราขึ้นโดยพระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
กฎหมายที่เทศบาลออกเพื่อใช้บังคับในเขตเทศบาลทั้งนี้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเทศบาล
ผู้เสนอร่างเทศบัญญัติ ได้แก่ นายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล หรือราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น
ผู้เสนอร่างเทศบัญญัติ ได้แก่ นายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล หรือราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น
2.กฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ใช้ในการปกครองประเทศ ปัจจุบันเป็นอย่างไร
ในการกำหนดออกกฎหมายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดของการประกาศใช้
เป็นอย่างไร หากเราไม่มีรัฐธรรมนูญนักศึกษาคิดว่าจะเป็นอย่างไร อธิบาย
ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายที่สำคัญสูงสุดของประเทศที่มี
การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยเริ่มต้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรสยาม เมื่อ พ.ศ.2475
เป็นต้นมา ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลง
แก้ไขและประกาศใช้รัฐธรรมนูญหลายฉบับเพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้อง
กับภาวะการณ์บ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัย
ในการกำหนดออกกฎหมายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดของการประกาศใช้คือ ความซื่อสัตย์
และไม่หวังประโยชน์ส่วนตน
ดังเช่นที่เราพบเห็นบ่อยๆในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญในแต่ละครั้ง
จึงจะเห็นได้ว่ากลุ่มผลประโยชน์ต่างๆจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะผลักดันใส่ข้อความที่ตนต้องการลงไปในรัฐธรรมนูญ
ทั้งภาคประชาชน หรือ ในกลุ่มสมาชิกสภาร่าง รัฐธรรมนูญเอง
และการบัญญัติสิ่งใดลงในรัฐธรรมนูญมากเกินไปจนถึงขั้นรายละเอียดนั้นเป็นสิ่งไม่พึงกระทำ
เพราะลักษณะของกฎหมายที่ดีอย่างหนึ่ง คือ บัญญัติหลักการไว้กว้างๆ
และให้รายละเอียดออกมาเป็นกฎหมายลูกซึ่งออกได้ง่ายกว่า หากเราไม่มีรัฐธรรมนูญ
ดิฉันคิดว่าประเทศไทยคงจะวุ่นวายกว่านี้ เพราะขนาดมีกฎหมายออกมาบริหารประเทศแล้ว
คนไทยก็ยังคงประสบกับปัญหาต่างๆมากมาย
เช่นเรื่องการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ
และการปกครองล้วนแล้วแต่ยังประสบปัญหา และถ้าไม่มีกฎหมายมารองรับ
ดิฉันคิดว่าประเทศไทยคงเป็นเมืองที่แย่ที่สุดในสายตาชาวโลก
3.ในสภาพปัจจุบันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา
112 มีนักวิชาการต้องการจะแก้ไขท่านคิดว่าควรที่จะแก้ไขหรือไม่ประเด็นใดอธิบายให้เหตุผล
ดิฉันคิดว่าไม่ควรแก้ไข
เพราะประเด็นที่พวกเขาต้องการแก้ไขนั้นเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบัน
ซึ่งมีการใช้แบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ท่านครองราชย์มาจนมีพระชนมายุ
84 พรรษามาแล้ว
แต่คนที่เป็นนักวิชาการอายุเพียงแค่ 30-40 ปีเรียนหนังสือจบมาแล้วมาแก้ไขอย่างนั้น
อย่างนี้ ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นการไม่ให้ความเคารพสถาบัน โดยดิฉันมีความคิดเห็นว่าคนกลุ่มนี้กำลังใช้การแก้ไขกฎหมายเป็นเครื่องมือในการจุดชนวนให้คนไทยมีความขัดแย้งกันมากยิ่งขึ้น
ซึ่งการที่จะแก้ไข ไม่ได้ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติแต่อย่างใด มากกว่าการช่วยเหลือพวกพ้องกลุ่มตัวเองแค่นั้น
4.กรณีเกิดความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านเรื่องชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เป็นกรณีพิพากขึ้นศาลโลกเรื่องดินแดนท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งมองปัญหานี้อย่างไร
และจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรเพื่อมิให้ไทยต้องเสียดิน แดน
ดิฉันคิดว่ามันเป็นการเสียสิทธิที่เราสมควรพึงจะได้
ซึ่งจริงๆแล้วที่ตรงนั้นใครก็อยากได้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย
หรือประเทศกัมพูชา แต่มันต้องขึ้นอยู่กับความถูกต้องของหลักฐานในอดีต ซึ่งมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ยังหาข้อยุติไม่ได้
ปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เพราะความขัดแย้งจะกลายเป็นปม หรือชนวนก่อให้เกิดสงครามกันได้ แน่นอนว่าความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ
นั้นจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพียงแค่สองประเทศเท่า นั้น
หากแต่ยังจะส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปยังประเทศและความร่วมมืออื่นๆ
เพราะในกรณีของไทยกับกัมพูชานั้น ทั้งสองเป็นสมาชิกของอาเซียน และโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
หรือจีเอ็มเอส ดิฉันคิดว่าการแก้ไขปัญหานี้คือการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
แต่กระนั้นก็เป็นการยากกว่าหากเราลองเปิดใจยอมรับ ในกฎเกณฑ์ธรรมชาติ
คิดเสียว่าพื้นที่ตรงนั้น ก็คือภาพจินตนาการที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะบอกให้รู้ว่าเราได้อยู่ใช้ชีวิตตรงนั้นมานานแล้ว
โดยไม่เคยมีปัญหากับคนสมัยโบราณ แต่คนสมัยนี้กลับใช้มันเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมความเป็นชีวิตสมัยนิยม
เพราะแท้ที่จริงแล้วมันเป็นแค่เส้นเขตแดน มันพาดผ่านทอดทับหมู่บ้าน ผู้คน กลุ่มชน
และครอบครัวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆมานานแล้ว แต่แค่แยกให้เขา และเราออกจากกัน
ว่าตรงนั้นเป็นประเทศเรา ตรงนี้เป็นประเทศเขา ไม่น่าจะเอาเรื่องแค่นี้
มาบั่นทอนหรือเป็นชนวนทำลายสัมพันธภาพอันดีระหว่างเพื่อนบ้านกันเลย
สิ่งเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ในการแก้ปัญหาเรื่องดินแดนคือการล้างใจมนุษย์ไม่ให้ยึดติดกับสิ่งใดก่อน
5.พระราชบัญญัติการศึกษาเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญการศึกษา ท่านเห็นด้วยกับประเด็นนี้หรือไม่ อธิบายให้เหตุผล
ดิฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม หากเรามีข้อกำหนด หรือข้อตกลงร่วมกัน
ก็ย่อมเกิดผลดีมากกว่าการไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย และเรื่องของการศึกษาก็เช่นกันสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตั้งกฎหมายมาใช้ในการศึกษาเพื่อให้การศึกษาเป็นไปอย่างมีระเบียบและแบบแผน
ซึ่งในกฎหมายจะมีการบัญญัติแนวทางในการจัดการศึกษา
การบริหารและการจัดการศึกษาทั้งของรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษาและต่างๆอีกมากมายที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อด้านการศึกษา
มีการพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีในการศึกษา ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นแบบแผนให้ประเทศไทยมีการศึกษาที่เป็นระบบ
และพัฒนาเด็กและกำลังของชาติให้มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่อที่จะสามารถนำความรู้ที่มีไปพัฒนาประเทศต่อไป
6.ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ขอให้นักศึกษาให้ความหมาย การศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษา สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มาตรฐานการศึกษา การประกันคุณภาพภายใน การประกัน คุณภาพภายนอก ผู้สอน ครู คณาจารย์ ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา
สถานศึกษา
การศึกษา
หมายถึงกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้
การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ
การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคมการเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
การศึกษาตลอดชีวิต
หมายความว่า
การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การศึกษาในระบบ
เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา
การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
การศึกษาในระบบเช่นนี้
หมายถึงการศึกษาที่จัดรูปแบบไว้แน่นอนเป็นเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน
ส่วนใหญ่จัดในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย
หรือสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเรียกอย่างอื่น ซึ่งเรารู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
การศึกษาในระบบอาจจัดในชั้นเรียนหรือเป็นการศึกษาทางไกลก็ได้
การศึกษานอกระบบ
เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา
ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล
ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา
โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่มตัวอย่างของการศึกษานอกระบบ
ได้แก่ การศึกษานอกโรงเรียน การฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ เป็นต้น
การศึกษาตามอัธยาศัย
เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ
ความพร้อมและโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์สังคม สภาพแวดล้อม
สื่อหรือแหล่งความรู้อื่นๆ การศึกษารูปแบบนี้มีความยืดหยุ่นสูง
เปิดโอกาสให้ผู้สนใจเรียนรู้สามารถเลือกเนื้อหาที่สนใจเป็นประโยชน์กับตนได้
และสามารถใช้เวลาที่ปลอดจากภารกิจการงานอื่นศึกษาเล่าเรียนได้
จึงเรียกว่าเป็นการศึกษาตามอัธยาศัย
ทั้งนี้รูปแบบของการศึกษาตามอัธยาศัยมีหลากหลาย เช่น การฟังบรรยายพิเศษ
การศึกษาจากเอกสาร การเยี่ยมชม การชมการสาธิต การรับฟังรายการวิทยุกระจายเสียง รายการวิทยุโทรทัศน์
การสืบค้นเนื้อหาสาระจากอินเทอร์เน็ตหรือแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นต้น
เนื่องจากรัฐมีหน้าที่ร่วมกับชุมชนจัดแหล่งเรียนรู้
ผู้บริหารและครูควรเข้ามามีส่วนใกล้ชิดร่วมมือกับประชาชนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยรูปแบบวิธีการต่างๆ
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า
สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรฐานการศึกษา หมายความว่า
ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดในสถานศึกษาและเพื่อใช้เป็นหลักเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริมและกำกับดูแล
การตรวจ-สอบ การประเมินผล และการประกันคุณภาพ
การประกันคุณภาพภายใน
หมายความว่าการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง
หรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแล
การประกันคุณภาพภายนอก
หมายความว่า
การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก
โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง
เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ผู้สอน
หมายถึง ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ
ครู
หมายความว่า
บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง
ๆ ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
คณาจารย์ หมายความว่า
บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารการศึกษา
หมายความว่า
บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า
บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่ง ทั้งของรัฐและเอกชน
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า
ผู้บริหารสถานศึกษา
ผู้บริหารการศึกษารวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ
หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง
ๆ
สถานศึกษา หมายความว่า
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน
ศูนย์การเรียนวิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย
หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน
ที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
7.ในการจัดการศึกษานักศึกษาคิดว่ามีความมุ่งหมายและหลักการจัดการในการจัดการศึกษา
อย่างไร
ดิฉันคิดว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้มีเจตนารมณ์ที่ต้องการเน้นย้ำว่าการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
ซึ่งการจัดการศึกษา ต้องยึดหลักดังนี้
1)
เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
2)
ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
3)
การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเรื่องการจัดระบบ
โครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษา ต้องยึดหลักดังนี้
1)
มีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
2)
มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น
3)
มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาและจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุก
ระดับและประเภท
4)
มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพและการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากร
ทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
5)
ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
6)
การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ
และสถาบันสังคมอื่น
ซึ่งทั้งหมดนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวครูผู้สอน
เพราะครูผู้สอนต้องมีการวางแผนและหลักการในการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างสูงสุด
มีการพัฒนาสื่อการสอน และแผนการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน มีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอในด้านของงานวิชาการและกิจกรรมต่างๆ
8.มีบุคคลหนึ่งเข้าไปเป็นครูสอนหนังสือในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่เป็นประจำกรณีมิได้รับการบรรจุเป็นครู หากพิจารณาตามกฎหมายถ้าผิดกฎหมายท่านคิดว่าจะถูกลงโทษอย่างไร หากไม่ผิดกฎหมายท่านคิดว่าจะมีวิธีการทำอย่างไร
ดิฉันคิดว่าน่าจะมีการสอบถามความประสงค์ของตัวผู้สอนเสียก่อน
หากว่ามีการกระทำที่ขัดแย้งหรือผิดกฎหมายจริงก็สมควรได้รับการตักเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หากไม่ผิดกฎหมายก็สมควรได้รับคำแนะนำในการขอใบประกอบวิชาชีพจากคุรุสภา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้ความรู้ในเรื่องนี้แก่ผู้ที่ยังไม่รุ้
9.หากนักศึกษาต้องการสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
(1) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(2) มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา
หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง
(3) ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา
30
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551
(4) ต้องเป็นผู้ได้รับวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษาหรือทางอื่นที่
ก.ค.ศ.กำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนี้ ตามกลุ่มวิชา/สาขาวิชาเอก
(5) ไม่เป็นพระภิกษุสงฆ์
หรือสามเณร นักพรต นักบวช
10.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อเรียนวิชานี้
นักศึกษาได้อะไรบ้างครูผู้สอนวิชาชีพโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Weblog มีความเหมาะสมและเป็นไปได้อย่างไร วิจารณ์แสดงความคิดเห็น
และถ้าจะให้น้ำหนักวิชานี้ ควรให้เกรดอะไร และนักศึกษาคิดว่าตนเองจะได้เกรดอะไร
ดิฉันชื่นชอบในแนวคิดและหลักการในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชานี้มาก
โดยเฉพาะในเรื่องของการนำ Weblog มาใช้ เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ยากและค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับภาษา
แต่อาจารย์กลับนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งมีความแปลกใหม่และทันสมัย จึงทำให้การเรียนในห้องดูไม่น่าเบื่อ
เพราะนักศึกษาทุกคนก็ชื่นชอบในการใช้อินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว
และไม่จำเจไม่ต้องมานั่งเปิดหนังสืออ่าน
แต่เราสามารถโหลดไฟล์ต่างๆมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์และเปิดอ่านในสิ่งที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้
ดีกว่าการพกกระเป่าที่บรรจุเอกสารหรือหนังสือต่างๆไว้มากมาย
ไม่ต้องมานั่งเขียนรายงายให้เมื่อยมือ
แต่เราสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาจัดการกับการเรียนรู้ของเราได้อย่างดี
มีการเผยแพร่บทความเกี่ยวกับการศึกษาไว้ให้คนอื่นที่สนใจได้ศึกษาต่อๆกัน ดิฉันให้เกรดเอค่ะ เพราะเรียนแบบสบายๆมาก
ไม่เครียด ไม่กดดันและที่สำคัญอาจารย์ใจดีค่ะ คุยสนุก ดิฉันอยากได้เกรดเอค่ะ หวังไว้มากๆเลย
ดิฉันพยายามทำ Blog ออกมาให้ดีที่สุด
แต่ก็ติดขัดเรื่องอินเตอร์เน็ตที่หอนี่แหละค่ะ ช้ามาก บางวันก็ทำอะไรไม่ได้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น